ประวัติ Bukayo Saka ปีกซ้ายชาวอังกฤษ
ตอนนี้หลายคนคงทราบกันดีแล้วว่าสโมสรอาร์เซน่อลกำลังเข้าใกล้แชมป์ พรีเมียร์ลีก เข้าไปทุกทีและ ปืนใหญ่ ชุดนี้มีนักเตะที่ก้าวขึ้นมาเป็นระดับโลกมากมาย หนึ่งในนั้น คือชายที่ชื่อว่า บูกาโย่ ซาก้า Bukayo Saka เพชรเม็ดงามและตัวแปรสำคัญที่ช่วยให้อาร์เซน่อลแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และเขากำลังจะเป็นเจ้าของค่าเหนื่อยกว่า 300,000 ปอนด์ ในอนาคตอีกด้วย
ประวัติของ Bukayo Saka
เขามีชื่อเต็มว่า บูกาโย่ อโยยินก้า ซาก้า เกิดเมื่อ 5 กันยายน 2001 เมืองอายลิ่ง ประเทศอังกฤษ โดยเขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลที่ กรีนฟอร์ด เซลติก ซึ่งเป็นสโมสรเล็กๆแถวที่เขาได้อาศัยอยู่ ซึ่งตัวของซาก้านั้นทำผลงานได้อย่างโดดเด่นอย่างมากจนแมวมองของสโมสรวัตฟอร์ดมาติดต่อและทาบทามเขาไปร่วมทีมในที่สุด และมาในปี 2008 ก็เป็นปืนใหญ่อาร์เซน่อลที่เห็นแววนักเตะคนนี้และได้ดึงตัวเข้าไปร่วมอะเคเดมี่ของตนเอง ซึ่งตอนนั้นซาก้า อายุเพียง 8 ขวบเท้านั้น จากนั้นเขาก็พัฒนาตัวเองและฝีเท้าขึ้นมาเรื่อยจนในวัย 17 ปี เจ้าตัวก็ได้เซ็นสัญญาฟุตบอลอาชีพครั้งแรกกับสโมสร และลงเล่นเกมอย่างเป็นทางการเกมแรกในศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก นัดที่ต้นสังกัดเจอกับ วอร์สกล้า โพลตาว่า
ซึ่งต่อมาเจ้าตัวก็ยังมีผลงานการเล่นที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จนในปี 2019 เขาก็ได้ลงสนามกับทีมชุดใหญ่เป็นเกมแรกและผลสุดท้ายทีมชนะไป 4-1 โดยเขาลงมาแทน อเล็กซ์ อิโวบี้ ในนาทีที่ 83 นั่นคื่อจุดเริ่มต้นการขึ้นมาเป็นชุดใหญ่ของเจ้าตัว ซึ่งเขาก็รักษาระดับการเล่นได้อย่างดีและโดดเด่นตั่งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
กำลังสำคัญของอาร์เซน่อล
ปัจจุบัน ซาก้า กลายมาเป็นกำลังหลักสำคัญให้กับอาร์เซน่อลร่วมกับมาร์ติน โอเดการ์ดและกาเบรี่ยล เชซุส ในเกมรุก และมันส่งผลอย่างมากให้อาร์เซน่อลก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในขณะนี้ ซึ่งเจ้าตัวเองก็มีหลายสโมสรที่ต้องการตัวไปร่วมทีมด้วย แต่ดูเหมือนว่าสัญญาฉบับใหม่กับอาร์เซน่อลกำลังจะเป็นที่ลุล่วง โดยเขาอาจจะได้รับค่าเหนื่อยสูงถึง 300,000 ปอนด์ / สัปดาห์อีกด้วย ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าการพาทีมอาร์เซน่อลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกจะต้องพิสูจน์ความสามารถของทีมงานผู้จัดการฝึกสอนและนักเตะทุกคนในทีม ไม่ใช่เพียงการพึ่งพาตัวซาก้าเท่านั้น การปรับปรุงกลุ่มนักเตะ การเสริมสร้างทักษะการเล่น และการคิดกลยุทธ์ใหม่ๆ เป็นสิ่งที่ทีมจำเป็นต้องทำเพื่อเพิ่มโอกาสในการชิงแชมป์
โดยพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022/23 ก็ใกล้ที่จะถึงบทสรุปเข้ามาแล้วและดูเหมือนจ่าฝูงอย่าง ปืนใหญ่ ก็ยังไม่มีท่าทีที่จะแผ่วลงแต่อย่างใด พวกเขาเข้าใกล้แชมป์ลีกที่รอมานานเข้าไปทุกทีแล้ว เราต้องมาดูกันว่าอีก 10 นัดที่เหลือพวกเขาจะรักษาสกอร์แบบนี้ไปได้หรือไม่